
เที่ยวแม่สอดอุ้มผาง หลายปีมาแล้วผมและเพื่อนตั้งใจจะไปเยี่ยมเพื่อนอีกคนที่ทำกิจการอยู่ที่อำเภอแม่สอดจังหวัดตาก เราขับรถออกจากอำเภอสวรรคโลกบ้านผมตรงไปทางจังหวัดตาก เมื่อถึงจังหวัดตากเราขับรถวนอยู่นานกว่าจะหาทางเลี้ยวไปอำเภอแม่สอดได้ เส้นทางจากจังหวัดตากไปถึงอำเภอ แม่สอดมีระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตรเป็นทางโค้งและขึ้นลงเขาเป็นส่วนใหญ่ต้องขับรถด้วยความระมัดระวังมาก เวลานั้นยังเป็นถนนสองเลนแต่วันนี้ทราบว่าได้มีการขยายเป็นสี่เลนตลอดทางแล้วเพื่อรองรับโครงการ East West Corridor ของรัฐบาล ขับรถไปสักพักจะถึงศาลเจ้าพ่อ พะวอเราผ่านอุทยานแห่งชาติลานสางและตลาดชาวเขาดอยมูเซอ เป็นตลาดใหญ่ที่นักท่องเที่ยวที่กลับจากแม่สอดจะมาแวะซื้อของกัน
เราเดินทางมาถึงแม่สอดตอนบ่ายและขับรถต่อไปถึงสะพานมิตรภาพไทยพม่าและไปเดินเที่ยวที่ตลาดริมเมย หลังจากนั้นก็ขับรถตระเวณไปดูโกดังเก็บสินค้าที่มีหลายแห่งเรียงรายอยู่ตามริมแม่น้ำเมย จุดเหล่านี้เป็นที่ส่งสินค้าข้ามแดนโดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทยส่งข้ามแดนไปประเทศพม่า โดยขนสินค้าลงเรือแล้วข้ามแม่น้ำเมยไปขนขึ้นที่ฝั่งพม่า แม่น้ำเมยในช่วงนี้แคบมาก เราแวะไปดูโกดังใหญ่ที่มีรถจักรยานมือสองขายจำนวนหลายพันคัน สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งขายส่งจักรยานมือสองจากญี่ปุ่นที่มีพ่อค้าจากกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดอื่นๆมาเหมาไปขายต่อ
ผมเลือกจักรยานเก่ามาได้คันหนึ่งเป็นยี่ห้อของประเทศญี่ปุ่นราคาหนี่งพันสองร้อยบาทแต่เวลาเอาใส่หลังรถมาต้องถอดเป็นชิ้นก่อน จากนั้นเราก็ขับรถไปหาที่พักเป็นรีสอร์ทเล็กๆที่ราคาห้องพักต่อคืนไม่แพง แล้วเราก็ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่ทำกิจการก่อสร้างอยู่ในแม่สอดและไปกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่บรรยากาศดีมาก มีต้นไม้ใหญ่หลายต้นอยู่ในร้านและมีลูกค้าแน่นร้าน ร้านนี้ชื่อข้าวเม่าข้าวฟ่าง หลังจากนั้นก็กลับไปพักที่รีสอร์ท วันรุ่งขึ้นเราตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่อำเภออุ้มผางและตั้งใจจะไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูด้วย โดยที่เราไม่ได้จองที่พักหรือเตรียมการท่องเที่ยวไว้ก่อน ส่วนใหญ่คนที่มาเที่ยวอุ้มผางจะซื้อแพคเกจทัวร์กันมาก่อน
จากการศึกษาเส้นทางจากแผนที่และแผ่นพับพบว่าเส้นทางจากแม่สอดไปอำเภออุ้มผางมีระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตรและมีโค้งประมาณ 1,200 โค้ง และต้องวิ่งบนเขาเป็นส่วนใหญ่ที่เรียกว่าถนนลอยฟ้าใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ถึง 4 ชั่วโมง
วันรุ่งขึ้นประมาณ 9 โมงเช้าเราออกเดินทางจากอำเภอแม่สอดตรงไปทางอำเภอพบพระไม่ได้และเข้าอำเภอพบพระวิ่งต่อไปทางอำเภออุ้มผางเลย และก็เป็นอย่างที่อ่านมาจริงๆเส้นทางต่อจากอำเภอพบพระไปยังอำเภออุ้มผางค่อนข้างคดเคี้ยวเต็มไปด้วยโค้งแต่คงไม่มีใครนับจำนวนโค้งในระหว่างเดินทาง แต่ก็น่าเชื่อว่าจะมีจำนวนถึง 1,200 โค้งตามที่ข้อมูลบอกไว้ ในระหว่างเดินทางเรามาได้ประมาณครึ่งทางเราก็มาถึงสถานที่หนึ่งชื่อว่าบ้านอุ้มเปี้ยมซึ่งพอมองไปที่หุบเขาฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยบ้านแบบชาวเขาเรียงรายและลดหลั่นลงมาเต็มเขา ที่นี่คือศูนย์อพยพของผู้ลี้ภัยที่หนีภัยการสู้รบมาจากประเทศพม่า
เราแวะพักกินอาหารกลางวันที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมงจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังอำเภออุ้มผาง เราเดินทางมาถึงอุ้มผางประมาณบ่ายสามโมงด้วยความเหนื่อยล้าเพราะอากาศค่อนข้างร้อนจากนั้นก็ขับรถหาที่พัก เนื่องจากเราไม่ได้จองที่พักเอาไว้ก่อนจึงค่อยๆตระเวณหาเราแวะเข้าไปดูรีสอร์ทและถามราคาหลายแห่งเพื่อให้ได้ที่พักที่พอใช้ได้และราคาไม่แพงมาก เมี่อได้ที่พักเป็นรีสอร์ทเล็กๆแล้วเราก็อาบน้ำและนอนพักผ่อนพอถึงเวลาเย็นก็ออกมากินอาหารเย็นที่ทางรีสอร์ทได้จัดเตรียมไว้ให้พร้อมทั้งขอให้ทางรีสอร์ทประสานงานเรื่องการพาเที่ยวน้ำตกทีลอซูในวันพรุ่งนั้ให้เรา อากาศที่นี่ค่อนข้างหนาวแต่ไม่ถึงกับหนาวจัด
วันรุ่งขึ้นมีรถกระบะมารับตอนเช้าและพาเราไปที่สถานที่ลงแพที่จะพาเราล่องไปตามลำห้วยแม่กลอง เราลงแพยางที่มีคนพายให้เราล่องไปตามลำห้วยแม่กลองสองข้างทางเป็นป่าทึบที่สมบูรณ์มาก ล่องไปได้สักพักก็ถึงน้ำตกทีลอจ่อหรือน้ำตกสายฝนพอนั่งแพผ่านไปไก้ลเราเห็นสายรุ้งพาดผ่านกระแสน้ำที่ไหลตกลงมาจากหน้าผาเหมือนสายฝน ระหว่างทางแพแวะพักที่บ่อน้ำรัอนให้ลงเรานั่งหรือยืนเอาเท้าแช่น้ำเล่น อุณหภูมิของน้ำไม่ร้อนจนเกินไปนักพอสบายเท้า หลังจากนั้นเราก็ลงล่องแพต่อไปถึงจุดสุดท้ายของการล่องแพเพื่อนั่งรถกระบะที่มารอและเดินทางต่อไปยังน้ำตกทีลอซู รวมเวลาที่เราล่องแพมาประมาณสามชั่วโมง
จากนั้นรถกระบะก็พาเราวิ่งมาบนทางดินที่ทุลักทุเลตัว เรากระเด็นกระดอนขึ้นลงตลอดเวลายังดีที่เวลานั้นเป็นฤดูร้อนทางที่รถเราวิ่งมาจึงแห้ง ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนรถอาจจะคิดหล่มโคลนได้แต่เรามาทราบทีหลังว่าช่วงฤดูฝนเส้นทางสายนี้จะปิดไม่ให้รถวิ่ง แล้วเราก็เดินทางมาถึงบริเวณด้านหน้าของทางเดินเข้าไปที่น้ำตก บริเวณนี้ทางกรมอุทยานทำเป็นลานสำหรับกางเตนท์และมีห้องน้ำบริการ เราพักผ่อนและกินอาหารกันที่นี่ก่อนที่จะเดินไปตามทางปูนเข้าไปที่น้ำตกเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ระหว่างทางมีต้นไม้ใหญ่และพืชพันธ์ไม้สมัยโบราณให้หยุดแวะชมสร้างความเพลิดเพลิน แล้วเราก็เดินมาจนถึงน้ำตกทีลอซูน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สายน้ำตกแผ่กว้างไปทั้งขุนเขามีปริมาณน้ำไหลลงมามากตลอดเวลาและมีแอ่งน้ำเล็กๆหลายแอ่งให้ลงไปเล่นหรือนั่งแช่น้ำพักผ่อนอิริยาบท เสียงน้ำที่ไหลตกลงมากระทบพื้นหินเบี้องล่างดังสนั่นหวั่นไหว เรารู้สึกตื่นเต้นและประทับใจมากที่ได้มาถึงน้ำตกทีลอซูที่เราจะไม่ลืมความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแห่งนี้ไปทั้งชีวิต ขากลับรถกระบะพาเรากลับไปตามถนนตลอดทางโดยไม่ต้องลงล่องแพเหมือนขามา เราพักที่รีสอร์ทอีกคืนคนนำเที่ยวบอกให้รีบตื่นประมาณตีห้าเพื่อจะพาเราไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยหัวหมดถ้าโชคดีอาจจะได้ชมทะเลหมอกด้วย
วันรุ่งขึ้นเราตื่นกันแต่เช้ามืดรถพาเรามาถึงทางขึ้นดอยเราเดินขึ้นไปประมาณ 15 นาทีก็ไปถึงยอด ยอดดอยไม่มีต้นไม้ใหญ่แต่มีพุ่มไม้ไม่สูงมากมองเห็นทิวทัศน์ของอุมผางได้รอบทิศทาง แต่วันนั้นไม่มีทะเลหมอกให้ชม เราออกจากอุ้มผางตอนบ่ายเพื่อเดินทางกลับสวรรคโลกเราผ่านแม่สอดอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แวะ ลาก่อนอุ้มผางลาก่อนแม่สอดหากมีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกสักครั้ง