โกดังร้าง บรรยากาศมืดๆในพื้นที่ที่ห่างไกลจากสายตาผู้คน มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่จะช่วยสร้างความสว่างในบริเวณนี้ บรรยากาศที่เงียบ ได้ยินเพียงเสียงลม ไม่มีแม้แต่เสียงรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมา ในสถานที่แบบนี้มีวัยรุ่นกลุ่มนึงใช้มันเป็นที่อยู่อาศัยที่นี่เรียกว่า โกดังร้าง
โกดังร้างแห่งนี้ห่างไกลจากตัวเมืองค่อนข้างมาก รอบๆข้างโกดังมีเพียงความรกของป่าไม้ไม่มีบ้านเรือนของผู้คนอยู่ในบริเวณนั้นหรืออาจจะมีแต่ค่อนข้างน้อย เพราะบริเวณนั้นความเจริญเข้าไม่ถึงไม่เหมาะเเก่การอาศัย ที่นี่เคยเป็นโกดังเก็บ อุปกรณ์ก่อสร้างของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว บริเวณนั้นเกิดไฟป่าถึงทำให้ภายในโกดังได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก เมื่อเจ้าของโกดังเห็นแบบนี้จึงตัดสินใจที่ทิ้งโกดัง แล้วไปสร้างโกดังใหม่ที่อยู่ใกล้กับบริษัทและปลอดภัยจากไฟป่า โกดังเเห่งนี้จึงถูกทิ้งให้ร้างตั้งเเต่นั้นเป็นต้นมา
“พวกเราจะมาอยู่ที่นี่กันจริงดิ ที่โกดังร้างเนี่ยนะ”
“จะทำไงได้ล่ะก็โดนพ่อกับแม่ไล่ออกจากบ้านกันมาเยอะขนาดนี้ ไม่มีที่พักไหนใหญ่เท่าที่นี่เเล้วแหละ”
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมีปัญหากับพ่อแม่จึงต้องหนีออกจากบ้านหรือบางคนถูกไล่ออกจากบ้าน สาเหตุก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกเรจนทำให้ทางโรงเรียนเรียกพ่อแม่ไปพบพ่อแม่บางคนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่งมากที่ลูกของตนมีพฤติกรรมแบบนี้ พวกเขาจึงต่อว่าลูกของตนเองด้วยคำที่รุนแรงทำให้เกิดการทะเลาะกัน เด็กในวัยนี้จะมีความคิดเป็นของตัวเอง ยากมากที่จะอยู่ในคำสั่งของคนอื่น หากพ่อแม่ไม่มีวิธีการพูดหรือการเกลี้ยกล่อมที่ดีก็จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันได้
“ส่งให้ไปเรียนทำไมต้องโดดเรียน พ่อเตือนหลายรอบแล้วใช่ไหม เป็นคนดีมันยากนักหรือไง”
“ก็หนูบอกพ่อแล้วไงว่าหนูไม่ชอบเรียนสายนี้ พ่อก็ยังจะบังคับให้หนูเรียนอยู่ได้”
“ก็ที่พ่อทำมันก็เพื่ออนาคตของแกเอง อนาคตที่ดีอ่ะไม่อยากมีหรอ”
“อนาคตที่ดีหรอ อนาคตที่ดีของหนูหรือการมีหน้ามีตาในสังคมของพ่อกันเเน่”
“ทำไมพูดแบบนี้ สอนไม่เคยจำ พ่อผิดหวังในตัวแกมากนะ”
คนบางคนที่ตัดสินใจหนีออกจากบ้านด้วยสาเหตุเพราะพ่อแม่วางแผนชีวิตไว้ให้ทั้งหมดเเล้ว แต่ตนเองไม่ได้อยากจะทำแบบนั้น การถูกกดดันจากพ่อแม่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเจอ มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากในการต้องทำตามความคิดของคนอื่นต้องทำในเเบบที่คนอื่นพอใจ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้อยากทำ ชีวิตเป็นของเราแต่เราไม่มีสิทธิ์ในการออกแบบชีวิตของตนเอง
“โห้ นี่มีพ่อกดดันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย”
“แค่นี้มันยังน้อยไป เดี๋ยวมาแบบนี้ดีแล้วไม่อยากเจอเขาอีก”
บางคนการตัดสินใจหนีออกจากบ้านเป็นเรื่องที่ไม่อยากทำเพราะไม่รู้ว่าการทำเเบบนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ชีวิตการอยู่ในบ้านที่เขาเจอนั้นมันทำให้เขาตัดสินใจเดินออกมาจากความทุกข์พวกนั้น
“เอาเงินไปเล่นการพนันหมดอีกเเล้ว ฉันไม่น่าพลาดมาแต่งงานกับแก”
“เออฉันมันแย่ ไม่พอใจก็เลิกไปเลย บอกเลิกกันมาดิ”
“ทำไมพูดแบบนี้อ่ะ แล้วลูกล่ะใครจะรับผิดชอบ”
“ใครเป็นคนคลอดมาก็รับผิดชอบเองดิ”
“อ้าวเฮ้ย ทำไมโยนภาระมาให้ฉันรับผิดชอบคนเดียว ก็แกไม่ใช่หรอที่เป็นคนทำฉันท้อง”
“ก็ไม่ได้ตั้งใจป่ะก็มันพลาดเองอ่ะ เอาจริงๆเด็กที่ออกมายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นลูกของฉันหรือเปล่า”
การต้องอยู่ในบ้านที่พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวันหรือการที่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของคนอื่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ใจและเกิดความรู้สึกไม่อยากอยู่บ้าน ไม่อยากอยู่ในที่ที่ทำให้รู้สึกแย่ ทำได้แค่ข่มตาลงนอนและภาวนาให้ถึงพรุ่งนี้เช้าไวๆ การต้องวนอยู่ในชีวิตแบบนี้มันช่างอึดอัดและทรมาน บางทีเเทบอยากจะหยุดหายใจจะได้ไม่ต้องมารับรู้ อะไรเเบบนี้อีก
มีอีกหลายปัญหาในครอบครัวซึ่งแต่ละครอบครัวก็จะมีคำพูดคำจาหรือความคิดที่ไม่เหมือนกัน ทุกคนที่ตัดสินใจหนีออกจากบ้านล้วนมีปัญหาและมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ว่าการหนีออกมาเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากทำแต่สถานการณ์ตรงหน้าบังคับให้ต้องทำแบบนี้
“เราจะอยู่ในโกดังร้างแบบนี้ตลอดไม่ได้หรอกนะ อนาคตของเราจะเป็นยังไงถ้าเรายังอยู่แบบนี้”
“แล้วจะเอายังไงกันต่ออ่ะ จะกลับไปที่บ้านกลับไปเจอปัญหาแบบนั้นอีกหรอ”
“เราคงไม่กลับไปที่นั่นแล้วแหละ เราจะไปหางานทำแล้วก็ไปเช่าหออยู่ถูกๆ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกอิสระไม่ต้องอยู่เป็นภาระของใคร”
“เอางั้นหรอ ลองไปคุยกับพ่อแม่ดูไหมเผื่ออะไรจะดีขึ้น”
“พวกเขาไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกที่เราเป็นหรอก คุยไปก็ไม่มีประโยชน์”
สุดท้ายวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็แยกย้ายไปตามความคิดของตนเอง บางคนตัดสินใจที่จะกลับบ้านไปคุยกับพ่อแม่ หาทางแก้ปัญหา ซึ่งเขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าพ่อแม่จะรับฟังเขามากน้อยแค่ไหน บางคนเลือกที่จะเดินตามทางของตนเองโดยทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวของตนเองโดยที่ไม่ต้องมีพ่อแม่ บางคนตัดสินใจไปอยู่กับญาติพี่น้องคนอื่น เผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น บางคนเลือกที่จะไปอยู่กับเพื่อนเพื่อให้ตัวเองได้มีอิสระ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเรื่องนี้ คือ ครอบครัว ครอบครัวมีผลสำคัญมากในการใช้ชีวิต ดังนั้นครอบครัวควรจะเป็นที่ที่ให้ความสุขให้ความรักความอบอุ่นซึ่งกันและกันเพื่อให้ครอบครัวนั้นเป็นครอบครัวที่น่าอยู่ การเปิดใจคุยกันทั้งพ่อแม่และลูก จะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด การรับฟังการร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อหาจุดตรงกลางจะทำให้เด็กไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกควบคุมโดยพ่อแม่ เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่มีมนุษย์คนไหนอยากให้คนอื่นมาควบคุมชีวิตของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่พ่อแม่จะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเด็ก หากว่าครอบครัวไหนที่สามารถปฏิบัติแบบนี้ได้ ครอบครัวนั้นคงเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเเละมีความ